จะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าทำงานแบบปิดหูปิดตาเรื่อง AI

Aug 30, 2024

AI หรือ Artificial Intelligence

 

สวัสดีครับทุกคนวันนี้บทความซีรีย์เราก็มาถึงพาร์ทที่ 3 กันแล้วนะครับ ในตอนนี้เรากำลังจะมาพูดถึง เรื่องที่เป็นเทรนด์ใน 2-3 ปีหลังมานี้ ตั้งแต่ปี 2023 ผมเชื่อว่าเกือบจะทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะเคยได้ยินคำว่า AI หรือ Artificial Intelligence ผ่านหูกันมาอยู่แล้วนะครับ ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าเป็นกระแสเทคโนโลยีที่มาแรงและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน บางคนอาจจะทราบเบื้องต้นว่ามันคือ “ปัญญาประดิษฐ์” บางคนอาจจะทราบว่ามันคือสิ่งที่จะมาเปลี่ยนโลกของเรา บางคนรู้สึกว่ามันน่ากลัว เป็นตัวอันตรายต่อมนุษยชาติ ซึ่งก็มีหลากหลายความคิดเห็นต่างคนต่างมุมมองครับ แต่ในวันนี้เราจะพูดในหัวข้อว่าถ้าเราปิดหูปิดตา ไม่เรียนรู้AI ไม่นำ AI มาใช้เป็นตัวช่วยในการทำงาน มันจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างครับ?

วันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้จักกับ AI ซึ่งก็คือ ปัญญาประดิษฐ์ อย่างง่ายๆกันก่อนนะครับ ว่ามันคือออะไร เราอาจเปรียบ AI เป็นเหมือนสมองของมนุษย์ ที่จะเป็นตัวช่วยในการคิด วิเคราะห์ วางแผน หาข้อมูล และแก้ไขปัญหาต่างๆให้เราได้ ทำให้เราสามารถทำงานได้ครบถ้วน มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมสำหรับเรา ซึ่ง AI ในตลาดตอนนี้มีหลากหลายตัวมากอาทิเช่น ChatGPT,Gemini,Copilot หรืออื่นๆอีกมากมาย AI จำพวกนี้เป็น AI ประเภท Chatbot ที่มีข้อมูลขนาดใหญ่เรียกว่า Large Language Model (LLM) ซึ่งได้มีการเทรน AI ให้มีความแม่นยำขึ้นเรื่อยๆ หากเราถามอะไรมันสามารถตอบเราได้ทุกอย่าง (ยกเว้นเรื่องที่นำไปสู่อันตรายหรือผิดกฎหมาย) ถ้ามองเผินๆมันอาจจะเป็นแค่ Google ถามตอบปกติ แต่แท้จริงแล้วมันสามารถตอบคำถามในเชิงลึกขึ้นได้ ถ้าเราเขียนคำสั่งหรือ Prompt ให้มันได้ถูกต้อง ฉะนั้นพื้นฐานของการใช้ AI คือการป้อนคำสั่งหรือ Prompt ให้ตรงประเด็น ถามในสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจน หรืออาจจะเป็น AI ในการออกแบบรูปภาพ วิดีโอ บทความ ปรับแต่งรูปประโยค ปรับปรุงเนื้อหา เขียนรายงาน ทำสื่อนำเสนอต่างๆ ซึ่งก็มีมากมายให้ทุกคนได้เลือกสรรใช้กัน อาทิเช่น Dall-E,Canva,Midjourney เป็นต้น ก็จะมาช่วยทำให้ การสร้างสื่อต่างๆเป็นไปได้โดยง่ายขึ้น และสร้างความหลากหลายในการนำมาใช้มากขึ้นด้วยครับ และยิ่งถ้าเราศึกษาวิธีการเขียน Prompt ให้ตรงประเด็น กระชับ AI มันจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเราทำงานได้เยอะเลย ซึ่งมันก็จะมีแนวทางในการออกคำสั่งที่เหมาะสมอยู่ครับ และหากเราเขียน Prompt ให้เชี่ยวชาญ ตอบโจทย์ และตรงประเด็น ในปัจจุบันก็มีตำแหน่งงานรองรับด้านนี้โดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่า “Prompt Engineer” กันเลยทีเดียว

ซึ่ง AI ในปัจจุบันได้เข้าไปมีส่วนร่วมในหลากหลายธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งในกลุ่มคนทำงานทั่วไป หรือแม้กระทั่ง การแพทย์ AI ก็เข้ามามีส่วนร่วมในมุมการประเมินวินิจฉัยจากอาการและภูมิหลังของคนไข้ เพื่อลดงาน Operation ของแพทย์และพยาบาล หรือในวงการการเกษตรกรรมก็มีการนำ AI เข้ามามีส่วนในการดำเนินธุรกิจการเกษตรมาบ้างแล้วนำไปเสริมระบบ Smart Farming ที่มีอยู่ก่อนเช่น การคาดการณ์สภาพอากาศ การตรวจจับดัชนีที่มีผลต่อการเกษตรต่างๆเช่น ค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ความชื้นในดิน อุณหภูมิต่างๆ ซึ่งผมเชื่อครับว่า AI ที่เรากำลังเห็นอยู่หรือใช้งานอยู่อยู่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการการเข้ามาช่วยงานเราและในยุคนี้การพัฒนาหรือคิดค้นนวัตกรรมต่างๆก็เป็นสิ่งที่มีการสนับสนุนจากหลายๆภาคส่วน

เมื่อเราเข้าใจความหมายเบื้องต้นกันของ AI กันแล้ว ทีนี้หากเรามองว่า AI ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราละครับ แล้วก็ปล่อยมันไป มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา?? ในระยะสั้นอาจจะยังไม่เกิดอะไรขึ้นครับ แต่ในระยะยาวเราจะทำงานได้ช้ากว่าเพื่อนร่วมงานหรือทีมของเราที่นำ AI มาใช้อย่างแน่นอน เราจะใช้เวลาในการทำงานแบบไม่เต็มประสิทธิภาพ แล้วทักษะการทำงานเราก็จะไม่คืบหน้า จะเห็นเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกับเราเก่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง งั้นเราควรมีความรู้กับเรื่อง AI ในระดับไหนกันละ?? ผมขอแยกความจำเป็นทักษะด้าน AI ออกเป็น 3 สายงานนะครับ คือ

 

  1. งานด้าน IT คือคนที่ทำงานในแวดวงเทคโนโลยีหรือเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและสารสนเทศของแต่ละบริษัทในทุกธุรกิจ เช่นตำแหน่งในสายงาน Software Development,Data Analysis,Cyber Security,IT Infrastructure,IT Functional Consultant เป็นต้น คนกลุ่มนี้ AI มีความสำคัญค่อนข้างมากเนื่องจาก AI ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มาแรงและหลายๆองค์กรกำลังนำ มาประยุกต์ใช้ในงาน Project เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะทำออกมาในรูปแบบของ Product ด้าน AI หรือการทำ AI มา Integration/On-Top ในส่วนนึงของสิ่งที่ทีมกำลังพัฒนาอยู่ ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพและมูลค่าของงานนั้นๆ คนกลุ่มงานนี้จึงมีความสำคัญมากที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ AI ไม่เพียงแต่ใช้งานเบื้องต้นในแบบที่ผมได้บอกเพื่อนๆไป แต่ต้องศึกษาในเชิงลึกตามแต่ละประเภทของ AI ด้วย
  2. งานด้าน Non-IT คือคนที่ทำงานที่ทำตำแหน่งที่ไม่ในวงเทคโนโลยี เช่นHR,Marketing,Account สำหรับคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนี้ถือว่ามีความจำเป็น เนื่องด้วยการทำงานของคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อาจจะมีเกี่ยวข้องกับทีม IT หรือ Product and Service ที่อาจจะต้องมีความรู้ด้าน AI เข้ามาเกี่ยวข้อง คนกลุ่มนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และฝึกฝนการใช้งาน AI ในระดับที่สามารถสื่อสารหรือนำไปใช้ในงานได้ เช่น Presales ที่กำลังขาย Product ด้าน IT , Recruiter ที่กำลังหาบุคลากรมาทำงานในตำแหน่งด้าน AI เช่น AI/ML Engineer ,Content Creator อาจจะให้ AI ช่วยในการสร้าง Content ที่จะปล่อยในช่องทางต่างๆ หรือ Accountant ช่วยให้ AI สร้างสูตร Excel ที่ซับซ้อนผ่านการพิมพ์ความต้องการผลลัพธ์ของบัญชีไป หรืออื่นๆ หรือในงานด้าน Human Resource ก็มีการพัฒนา AI ด้าน Chatbot เพื่อใช้ในการตอบคำถามเบื้องต้นของแต่ละองค์กร หรือเครื่องมือที่จะมาช่วย HR ในการลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนเป็นต้น และการใช้งาน AI ของคนกลุ่มนี้หลักๆคือจะมาลดภาระงานที่ไม่จำเป็นได้ รวมถึงเป็นแหล่งสำคัญในการหาไอเดีย แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหน้างานของตัวเองได้โดยตรง
  3. กลุ่มคนในสายงานวิชาชีพ คือกลุ่มคนที่ทำอาชีพที่ใช้ทักษะเฉพาะและประสบการณ์โดยตรง เช่น ช่างตัดผม,ภารโรง,เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย,เกษตรกร หรืองานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จะเป็นอาชีพที่เกิดความชำนาญจากการฝึกฝนและประสบการณ์ AI จึงไม่ค่อยได้มีผลมากนักในระยะสั้นแต่คนกลุ่มนี้สามารถทำความเข้าใจ AI เบื้องต้นได้ แต่ยังไม่ถือว่าจำเป็น ณ ขณะนี้ครับ

 

ฉะนั้นจากที่อ่านมาคนกลุ่มไหนละที่ AI ไม่จำเป็นสำหรับเขาก็อาจจะเป็นกลุ่มงานที่เป็นงาน Operation ที่มีทักษะในการทำงานตายตัวอาจจะไม่ได้ทำงานในองค์กร เช่น พนักงานในสายการผลิตสินค้า พนักงานทำความสะอาด พนักงานขายหน้าร้านค้า หรืออื่นๆ ที่ในระยะสั้น AI อาจจะไม่ได้มีผลกระทบต่อการทำงานโดยตรง แต่ระยะยาวก็ยังไม่สามารถการันตีได้ครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น และผมคิดว่ากลุ่มงานของคนกลุ่มนี้มีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะถูก AI แทรกเข้ามาในตลาดแรงงาน เนื่องจากที่ทำเป็นงานที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัว ซึ่งงานอะไรที่ไม่ซับซ้อนอาจจะมีโอกาสถูก AI เข้ามาก็มีสูงขึ้นครับ แต่หากทุกคนแม้ว่าจะอาชีพอะไรก็ตามแต่หากศึกษามันไว้ก็ไม่เสียหายครับ เผื่อจะมีไอเดียเข้ามาช่วยเหลือในการทำงานได้ และเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะให้เราเป็นคนที่อยู่ต้นๆของตลาดแรงงาน

 

ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนทำได้ดีที่สุดคือการเรียนรู้มัน ใช้งานมันให้เป็น ดึงความสามารถของมันออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับงานตรงหน้าของเราให้ได้มากที่สุด ต่อให้มีเทคโนโลยีอื่นๆเกิดขึ้นมาใหม่ในโลกนี้ เราเพียงศึกษามัน ทำความเข้าใจมันให้ทัน แล้วมองถึงประโยชน์ที่เราสามารถหยิบจากมันมาได้ เราก็จะขึ้นมาเป็นกลุ่มแถวหน้าในตลาดแรงงานของสายงานเราครับ ถ้าเรามองว่ามันเป็นสิ่งอันตรายแล้วไม่เปิดรับ มันก็จะเป็นสิ่งอันตรายที่อาจส่งผลต่อการทำงานเราได้ครับ จึงอยากให้ทุกๆคนมองว่า AI คืออาวุธคู่กายของเรา เรียนรู้และประยุกต์ใช้อย่างพอดี มันจะสร้างคุณให้เราหลายเท่าตัวเช่นกันครับ