5 คำถามพบบ่อย ระบบทำ ใบกำกับภาษี อิเล็กทรอนิกส์ ( e-Tax invoice )

ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในโลกธุรกิจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใครที่ปรับตัวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลก่อน ก็ได้เปรียบมากกว่า ใบกำกับภาษี อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เพราะนอกจากจะมีมาตรการ ช้อปดีมีคืน 2566 ที่กระตุ้นให้ผู้ซื้อเลือกซื้อสินค้ากับร้านที่มี e-Tax เพื่อจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีมากกว่าแล้วนั้น บริษัทยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนและใช้บริการระบบ ไปหักรายจ่ายได้ 2 เท่า อีกด้วย ( ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 )

หากบริษัทของท่านกำลังมองหาระบบ และอยากเร่งดำเนินการตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสเข้าร่วมโครงการจากทางรัฐบาลในปีต่อไป แต่ยังมีคำถามอยู่หลายส่วน I AM Consulting ในฐานะผู้พัฒนาระบบ EZTax ซึ่งได้การรับรองการเป็น Service Provider สำหรับการเป็นตัวแทนการนำส่งเอกสารผ่านระบบเข้าไปที่กรมสรรพากรโดยตรง จึงขอรวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบให้หายคาใจไว้ในบทความนี้เลย

 

5 คำถามพบบ่อย ระบบทำ ใบกำกับภาษี อิเล็กทรอนิกส์ ( e-Tax invoice )

 

1)    ใบกำกับภาษี อิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร

ใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ ที่ผู้ประกอบการสามารถจัดทำเอกสารอิเล็กทรอนิกส์  ( XML File, PDF File ) พร้อมลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) หรือ ประทับรับรองเวลา ( Time Stamp ) ก่อนส่งมอบให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ และกรมสรรพากร รวมถึงสามารถเก็บรักษาข้อมูลในรูปแบบออนไลน์ แทนการใช้กระดาษแบบเดิม

 

2)    บริษัทอยากทำระบบ e-Tax ต้องทำอะไรบ้าง

สิ่งที่บริษัทต้องเริ่มทำ ก่อนใช้งานระบบ e-Tax มี 2 สิ่งหลักๆ คือ จัดหาใบรับรองอีเล็กทรอนิกส์ ( Certification Authority: CA ) และ ยื่นคำขอเป็นผู้ประกอบการจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งท่านสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมโดยละเอียดได้ในบทความนี้ บริษัทอยากทำ E-tax invoice / E-receipt เริ่มยังไงดี?

 

3)    บริษัทต้องเลือกใช้ระบบรูปแบบใดถึงจะเหมาะสมกับธุรกิจ

ปัจจุบันทางกรมสรรพากร มีระบบ e-Tax อยู่ 2 รูปแบบ คือ e-Tax invoice และ e-Tax invoice by email ซึ่งบริษัทจะต้องเลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีความแตกต่างกันดังนี้

ใบกำกับภาษี อิเล็กทรอนิกส์

( * หมายเหตุ ระบบ EZTax จะรองรับแค่รูปแบบ e-Tax invoice เท่านั้น )


ข้อแตกต่างที่เด่นชัดที่สุด คือ ข้อจำกัดด้านรายได้ รวมถึง รูปแบบการทำงาน e-Tax Invoice  เป็น ระบบ Automation ที่ช่วยลดภาระการทำงาน ส่วน e- Tax Invoice by email นั้นเป็นระบบแบบ Manual ต้องทำไฟล์ทีละเอกสารแล้วส่ง E-mail ทีละ 1 เอกสาร และต้องหาที่เก็บเอกสารหลังจากที่ได้รับ E-mail กลับมาแล้ว
เมื่อพิจารณาจาก 2 ปัจจัยนี้แล้ว การใช้ระบบ e-Tax invoice เต็มรูปแบบก็น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่า เพราะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น และ หากในอนาคต บริษัทมีรายได้มากกว่า 30 ล้านบาท การยกเลิกรูปแบบ e-Tax Invoice by E-mail แล้วไปเริ่มขอยื่นแบบ e-Tax Invoice ใหม่ จะทำให้เกิดความยุ่งยากด้วย
 

4)    หากใช้ระบบรูปแบบ e-Tax invoice ต้องนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรยังไง


หากบริษัทของท่านไม่ต้องการพัฒนาระบบงานด้วยตนเอง สามารถเลือกส่งข้อมูลในรูปแบบ Service Provider ( ผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ) โดย EZTax ได้เลย ระบบของเราสามารถทำงานได้ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำเอกสาร นำส่ง และเก็บข้อมูล ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด มีประสิทธิภาพ เข้ากันได้กับระบบ ERP ทุกรูปแบบ 
เราเป็นระบบ e-Tax รายแรกๆ ของประเทศไทย มีพาร์ทเนอร์ที่ใช้งาน EZTax อยู่มากมายทุกอุตสาหกรรม และจัดทำ e-Tax Invoice/e-Receipt ไปมากกว่า 400 ล้านฉบับ จึงสามารถมั่นใจได้ว่า ท่านจะทำงานได้ตรงตามคุณสมบัติที่กรมสรรพากรกำหนดทั้งหมด

5)    การจัดเก็บเอกสารตามกฎหมายมีอะไรบ้าง


แม้ว่าจะไม่ใช่รูปแบบกระดาษ แต่บริษัทก็ยังคงจำเป็นจะต้องเก็บรักษาเอกสารไว้ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
(1) ต้องสามารถเข้าถึงและนำกลับมาใช้ได้ โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง
(2) อยู่ในรูปแบบเดียวกับตอนที่สร้าง ส่ง หรือได้รับข้อมูลนั้น หรือ อยู่ในรูปแบบที่สามารถแสดงข้อความที่สร้าง ส่ง หรือได้รับ ให้ปรากฏอย่างถูกต้องได้
(3) ได้เก็บรักษาข้อความส่วนที่ระบุถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง และปลายทางของใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนวันและเวลาที่ส่งหรือได้รับข้อความดังกล่าว ถ้ามี และต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปี กรณีอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาษีอากรจะต้องเก็บไว้จนกว่าการตรวจสอบภาษีอากรจะแล้วเสร็จ
หากทำงานผ่านระบบของ EZTax ข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บไว้บน Cloud ซึ่งมีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล และสามารถเรียกค้นข้อมูล เพื่อนำมาประมวลผลได้อย่างง่ายดาย

ปรึกษาเรื่องระบบ E-TAX กับ I AM Consulting 

เรามีความมั่นใจในบริการที่ครอบคลุม พร้อมความสามารถในการแนะนำ ให้คำปรึกษาด้านบัญชี และนำเสนอโซลูชันให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร ( One-Stop-Service ) ตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การจัดหาใบรับรองอีเล็กทรอนิกส์ การลงทะเบียน การตรวจประเมินเบื้องต้นเพื่อปรับกระบวนการและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น การติดตั้งและวางระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมทีมงาน และมีบริการดูแลหลังจากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เพราะระบบจะอยู่กับองค์กรไปอีกนาน จึงต้องมีทีมที่ปรึกษาที่จะช่วยดูแล ปรับปรุง พัฒนา ระบบอย่างต่อเนื่อง

พูดคุยปรึกษา - สอบถามข้อมูล ได้ตามช่องทางเหล่านี้
โทรศัพท์ : 02-026-3964 
E-mail : info@iamconsulting.co.th 
LINE@ : http://bit.ly/3Eji6r1